• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

รู้จักประกันลดหย่อนภาษี กับการวางแผนทางการเงินเพื่อประโยชน์ 2 ต่อ

Started by waanbotan_, February 01, 2024, 11:13:50 PM

Previous topic - Next topic

waanbotan_

   ในปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากหันมาทำประกันชีวิตส่วนบุคคลเพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงให้กับชีวิต เพราะสามารถให้ความคุ้มครองชีวิต สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล และยังเป็นหนึ่งในช่องทางการออมที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคารอีกด้วย ที่สำคัญยังสามารถนำค่าใช้จ่ายในการทำประกันชีวิตลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย

   หลายคนยังสงสัยว่าวิธีลดหย่อนภาษี ลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตได้เท่าไหร่ และใช้คำถามนี้ในการพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกทำประกัน หรือประเภทของการประกันชีวิต ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตมีหลายรูปแบบ ได้แก่ ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ซึ่งเน้นให้ความคุ้มครองชีวิตในระยะยาว, ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา เน้นการคุ้มครองชีวิตในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น และ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็น ประกันที่เน้นด้านการออมเงินควบคู่ไปกับการประกันชีวิต โดยจะให้ความคุ้มครองชีวิตในระยะเวลาที่กำหนดและเมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว หากผู้ทำประกันยังมีชีวิตอยู่ก็จะได้รับเงินก้อนพร้อมดอกเบี้ยตามข้อตกลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร ซึ่งถือเป็นอีกประเภทของการทำประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าเงินเฟ้อ ทั้ง 3 ประเภทของการทำ ประกันลดหย่อนภาษี เงินได้ประจำปีสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท

    นอกจากนี้ยังมีประเภทของการทำ ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน ซึ่งตอบโจทย์คนที่ต้องการทำประกันและต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนด้วย ดังนั้นเบี้ยประกันชีวิตประเภทนี้จึงถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่ ส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน, ส่วนที่ 2 เป็นส่วนของความคุ้มครองที่จะให้กับผู้เอาประกัน และส่วนที่ 3 เป็นเงินที่จะถูกแบ่งไปใช้เพื่อลงทุน การลดหย่อนภาษีเงินได้จากการทำประกันประเภทนี้จึงคิดเฉพาะเบี้ยส่วนที่เป็นความคุ้มครองเท่านั้น และต้องเป็นความคุ้มครองที่มีระยะเวลามากกว่า 10 ปีขึ้นไป โดยจะต้องนำเบี้ยในส่วนนี้ไปรวมกับเบี้ยประกันชีวิตประเภทอื่นก่อนยื่นลดหย่อนภาษี ไม่เกิน 100,000 บาท

   นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตรูปแบบพิเศษ ที่เป็น "ประกันบำนาญ" ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มคนที่ต้องการหลักประกันด้านรายได้หลังเกษียณการทำงาน ประกันชีวิตประเภทนี้กำหนดให้ผู้เอาประกันต้องจ่ายเบี้ยไปจนครบกำหนดอายุที่ระบุไว้ หลังจากนั้นทางบริษัทจะจ่ายเงินให้เป็นงวดหลังเกษียณ โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการทำประกันประเภทนี้ไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อนำไปคำนวณรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ เช่น กองทุน RMF หรือกองทุน SSF สิทธิลดหย่อนภาษีจะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
   
   เลือกแผนประกันยื่นลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมกับคุณได้ที่ธนาคารกรุงไทย https://krungthai.com/th/personal/insurance/life-insurance และนอกจากการทำประกันชีวิตกับธนาคารกรุงไทยที่สามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้แล้ว ผู้ที่ต้องการเพิ่มเติมสิทธิลดหย่อนภาษียังสามารถใช้การลงทุนในกองทุนรวมระยะยาวที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งมีทั้งกองทุนแบบ SSF และ RMF เข้ามาใช้เพิ่มเติมสิทธิในการลดหย่อนภาษี ซึ่งขณะนี้ บลจ.กรุงไทย ได้ออกแบบกองทุนประเภทนี้ให้มีความหลากหลายและตอบโจทย์กับนักลงทุนทุกสไตล์ อาทิ กองทุนเปิดกรุงไทย SET50 เพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุน RMF ที่เน้นการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทย กลุ่ม SET 50 และกองทุนรวมกรุงไทยเพื่อการออม ชนิดเพื่อการออม 70/30 เป็นกองทุนแบบผสมสำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมากนัก จะเน้นกระจายการลงทุนไปในตลาดหุ้นและตลาดตราสารทางการเงิน รวมถึงยังมีกองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษีให้เลือกอีกมากมาย โดยสามารถสอบถามได้จาก บลจ.กรุงไทย หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ktam.co.th