เช็กก่อนชง กาแฟคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม แบบไหนอร่อยถูกใจคุณ

[nemophilanie]

การดื่ม กาแฟ นับเป็นวัฒนธรรมแพร่หลายไปทั่วโลก เพราะเป็นเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแต่ละพื้นที่ เพราะเมื่อมาจากแหล่งปลูกต่างกันย่อมให้รสชาติแตกต่างกันไปด้วย รวมถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นทุกครั้งที่ดื่ม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจำนวนมากนิยมเลือกเป็นเครื่องดื่มคู่ใจ และทราบหรือไม่ว่าก่อนจะถูกนำมารังสรรค์เครื่องดื่ม เมล็ดจะถูกนำไปคั่วจนกลายเป็นสีน้ำตาลแบบที่เราเห็นกัน โดยแบ่งเป็น คั่วเข้ม คั่วกลาง และคั่วอ่อน เพราะฉะนั้นสำหรับท่านใดที่ชื่นชอบการดื่มเมนูนี้ลองมาดูกันว่า กาแฟคั่วเข้มคือ อะไร แตกต่างจาก 2 แบบที่เหลืออย่างคั่วกลางและคั่วอ่อนอย่างไรบ้าง เพื่อการชงแบบมือโปร
ทำความรู้จักการคั่วประเภทต่าง ๆ เพื่อการชงให้อร่อยถูกใจ
ก่อนจะไปรู้จักการคั่วแบบต่าง ๆ ต้องบอกก่อนว่าการที่เมล็ดจะเป็นสีน้ำตาลแบบที่เราเห็นกันนั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการคั่ว โดยระดับการคั่วกาแฟ ของ Nespresso มีทั้งการคั่วอ่อน คั่วกลาง และคั่วเข้ม จะมีขั้นตอนการคั่วเหมือนกัน แต่จะแตกต่างตรงการนับเสียงการแตกตัวของเมล็ดกาแฟ หรือที่เรียกว่าการนับ Crack เพื่อเป็นการดูว่าการคั่วอยู่ในระดับใด สำหรับ กาแฟคั่วอ่อน จะเป็นการคั่วที่ใช้เวลาน้อยที่สุด เมื่อมีเสียงการแตกตัว 1 ครั้ง หลังจากนั้นคั่วต่ออีกไม่นานก็ถือว่าเสร็จสิ้น เมล็ด กาแฟคั่วอ่อน จะมีสีน้ำตาลอ่อน ผิวเมล็ดจะดูแห้ง รสชาติจะเปรี้ยว แต่ได้รสชาติดั้งเดิมของถิ่นกาแฟนั้น ๆ เหมาะสำหรับคนที่อยากลิ้มลองรสชาติคลาสสิก ไม่ปรุงแต่ง จึงเหมาะกับการนำมาทำอเมริกาโน่ หรือกาแฟดริปต่าง ๆ เพื่อรับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
สำหรับ กาแฟคั่วกลาง ถือเป็นการคั่วที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะระดับความเข้มของกาแฟรสชาติที่ได้จะไม่เปรี้ยวจนเกินไป ไม่ขมจนเกินไป มาพร้อมความกลมกล่อมกำลังดี อีกทั้งยังคงรสชาติแบบดั้งเดิมเอาไว้พอสมควร การคั่วรูปแบบนี้จะให้สีน้ำตาลเข้มกว่าการคั่วอ่อน และสัญญาณว่าเข้าสู่ระดับการคั่วกลางแล้วคือต้องหยุดการคั่วก่อนที่จะมีเสียงการแตกตัวของเมล็ดครั้งที่ 2 การคั่วกลางจึงอาจยากกว่าการคั่วแบบอื่น ๆ โดย กาแฟคั่วกลาง เหมาะกับนำมาทำอเมริกาโน่ เอสเปรสโซ รวมถึงพวกกาแฟดริป
ปิดท้ายกันที่ กาแฟคั่วเข้ม ซึ่งแค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเมล็ดที่ได้จากการคั่วต้องมีสีเข้ม เพราะระยะเวลาการคั่วที่นานกว่าประเภทอื่น ๆ ผิวเมล็ดจะค่อนข้างมัน รสชาติจะแทบไม่มีความเปรี้ยวหลงเหลือ แต่ค่อนข้างขม และสัญญาณว่าเข้าสู่ระดับการคั่วเข้มแล้วคือเสียงการแตกตัวของเมล็ดจะเกิดขึ้น 2 ครั้ง สำหรับคนที่ชอบดื่มแบบใส่นมหรือใส่น้ำตาล แน่นอนว่าต้องเลือกเมล็ด กาแฟคั่วเข้ม ซึ่งเหมาะที่สุด นอกจากนี้ยังเหมาะกับการออกแบบเมนูเอสเพรสโซ่อีกด้วย
เมื่อทราบแล้วว่า กาแฟคั่วเข้มคือ อะไร แตกต่างจากเมล็ดคั่วกลางและคั่วอ่อนอย่างไรบ้าง เชื่อว่าการชง กาแฟ ครั้งต่อไปจะต้องเลือกเมล็ดได้อย่างเหมาะสม เพราะประเภทการคั่วแตกต่างกันจะทำให้ได้รสชาติแตกต่างกันไปด้วย เพียงเท่านี้รับรองว่าทุกครั้งที่ชงจะได้ลิ้มลองรสชาติอร่อยที่ถูกใจและถูกปากอย่างแน่นอน